พลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์
(Douglas MacArthur)
ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีกที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์"
ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์"
ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง
26มกราคม พ.ศ. 2423 - 5 เมษายน 2507 เป็นจอมพลชาวอเมริกัน ที่มีชื่อเสียงในการบัญชาการรบภาคพื้นแปซิกฟิก ในสมัยสงครามสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้บัญชาการผู้ที่ให้ญี่ปุ่นจดสนธิสัญญาพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายพันธมิตร ณ เรือประจัญบานยูเอสเอส มิสซูรี นอกจากนี้เขายังเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้ ญี่ปุ่น พัฒนาอย่างรวดเร็ว และยังเป็นผู้บัญชาการสมัยสงครามเย็นในสงครามเกาหลี อีกด้วย
สนธิสัญญาผ่ายแพ้ที่ ญี่ปุ่นได้จดกับฝ่ายสัมพันธมิตร ณ เรือประจัญบาน ยูเอสเอส มิซูรี
ประวัติ
พลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์ (Douglas MacArthur) เกิด 26 มกราคม พ.ศ.2423 ณ ลิตเติลร็อก รัฐอาร์คันซอ ปู่ชาวไอริชเป็นทหารรุ่นสร้างชาติอเมริกา ส่วนนายพลอาร์เธอร์ เป็นผู้สำเร็จราชการและผู้บัญชาการทหารบกในฟิลิปปินส์ เขาแต่งงานกับ แมรี่ ฮาร์ดี้ ให้กำเนิด "ดักลาส แมกอาร์เธอร์" ซึ่งตามรอยบิดา เข้าโรงเรียนนายร้อยทหารบกเวสต์ปอยต์ จบเกียรตินิยมเมื่ออายุ 23 ติดยศร้อยตรีไปประจำกองทหารช่างที่ฟิลิปปินส์ ปีถัดมาในยศร้อยโท เขาติดตามบิดาซึ่งเป็นผู้สังเกตการณ์ประจำกองทัพญี่ปุ่นในแมนจูเรียระหว่างสงครามญี่ปุ่น-รัสเซีย ได้มาทั้งความรู้ความชำนาญทางทหาร เสร็จภารกิจ ได้รับแต่งตั้งเป็นคนสนิทของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เลื่อนยศเป็นร้อยเอก
สงครามโลกครั้งที่ 1 แมกอาร์เธอร์ได้รับเลือกมาช่วยในฐานะผู้ชำนาญการรบในต่างประเทศ เขาจัดตั้งและเป็นผู้บัญชาการ "กองพลสายรุ้ง" โดยคัดเลือกทหารที่มีความสามารถและองอาจกล้าหาญมารับการอบรมพิเศษเป็นหน่วยจู่โจม พร้อมได้เลื่อนยศจากพันตรีเป็นพันเอก จากภารกิจในยุโรปเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ครั้ง ได้รับเหรียญกล้าหาญทั้งจากสหรัฐ และประเทศพันธมิตร และเลื่อนยศเป็นนายพลจัตวาเมื่ออายุ 38 ปี เป็นนายพลที่อายุ น้อยที่สุด ต่อมา 2 ปี เป็นผู้บัญชาการเวสต์ปอยต์
![]() |
ดักลาส แมกอาร์เธอร์ได้เป็นผู้สำเร็จราชการฟิลิปปินส์ ตำแหน่งเดียวกับที่พ่อเคยเป็น และเป็นเสนาธิการทหารบก ติดยศพลเอกเมื่ออายุ 50 ปี เขาลาออกใน 7 ปีต่อมา แต่เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ มีคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการ แต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการในตะวันออกไกล ช่วงชิงพื้นที่แปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ และเมื่อญี่ปุ่นยึดกรุงมะนิลาได้ ถ้อยวลีที่แมกอาร์เธอร์กล่าวแก่ชาวฟิลิปปินส์ระหว่างถอยทัพคือ "ข้าพเจ้าจะกลับมา" (I Shall Return) และเมื่อกลับมาจากตั้งหลักที่ออสเตรเลีย เขาประกาศขณะลุยน้ำลงจากเรือที่อ่าวเลย์เต "ข้าพเจ้ากลับมาแล้ว" (I Have Returned) เมื่อ 20 ตุลาคม 2487 ภาพถ่ายวันนั้นเป็นภาพข่าวสงครามที่ดีที่สุดภาพหนึ่ง
พลเอกแมกอาร์เธอร์เป็นผู้รับการประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการของญี่ปุ่น จากที่เขามีเชื้อสายของนาวาเอก(พิเศษ) แมทธิว คราวเรต เพอรี่ ผู้เคยบีบให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศใน พ.ศ.2397 เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการยึดครองประเทศญี่ปุ่น จัดให้มีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำหนดให้สมเด็จพระจักรพรรดิอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและห้ามมีกองกำลังทหาร ให้สตรีมีสิทธิเลือกตั้ง ปล่อยนักโทษการเมือง ให้เสรีภาพกรรมกรเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำให้ญี่ปุ่นมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เขาเป็นที่รักของชาวญี่ปุ่น
พ.ศ.2493 แมกอาร์เธอร์ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี เกือบจะสามารถเอาชนะเกาหลีเหนือ แต่ถูกปลดออกจากหน้าที่ เนื่องจากเตรียมบุกประเทศ จีนและเสนอให้ใช้ระเบิดปรมาณูกับจีนซึ่งสนับสนุนเกาหลีเหนือ เป็นการพยายามฝ่าฝืนคำสั่งประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน วันที่ 11 เมษายน 2494 จึงมีคำสั่งทางโทรเลขถึงแมกอาร์เธอร์ "ให้ท่านพ้นจากทุกตำแหน่งเดี๋ยวนี้" นั่นหมายถึงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารพันธมิตรผู้ยึดครองญี่ปุ่น ผู้บัญชาการทหารสหประชาชาติในเกาหลี ผู้บัญชาการทหารอเมริกันในภาคตะวันออกไกล สิ้นสุดอาชีพทหารเมื่ออายุ 71 ปี ผ่านศึกเป็นวีรบุรุษสงคราม 3 สมัย
ช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาไม่มีแม้บ้านของตัวเอง อาศัยเช่าโรงแรม ในนิวยอร์กอยู่กับภรรยา เขาเริ่มล้มป่วยเมื่อ 6 มีนาคม 2507 ผ่านการผ่าตัดรักษาโรค 3 ครั้ง แต่ที่สุด 6 เมษายน ปีเดียวกัน ดักลาส แมกอาร์เธอร์ เสียชีวิต ณ โรงพยาบาลทหารบกวอลเตอรีด กรุงวอชิงตัน ดีซ
พ.ศ.2493 แมกอาร์เธอร์ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี เกือบจะสามารถเอาชนะเกาหลีเหนือ แต่ถูกปลดออกจากหน้าที่ เนื่องจากเตรียมบุกประเทศ จีนและเสนอให้ใช้ระเบิดปรมาณูกับจีนซึ่งสนับสนุนเกาหลีเหนือ เป็นการพยายามฝ่าฝืนคำสั่งประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน วันที่ 11 เมษายน 2494 จึงมีคำสั่งทางโทรเลขถึงแมกอาร์เธอร์ "ให้ท่านพ้นจากทุกตำแหน่งเดี๋ยวนี้" นั่นหมายถึงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารพันธมิตรผู้ยึดครองญี่ปุ่น ผู้บัญชาการทหารสหประชาชาติในเกาหลี ผู้บัญชาการทหารอเมริกันในภาคตะวันออกไกล สิ้นสุดอาชีพทหารเมื่ออายุ 71 ปี ผ่านศึกเป็นวีรบุรุษสงคราม 3 สมัย
ช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาไม่มีแม้บ้านของตัวเอง อาศัยเช่าโรงแรม ในนิวยอร์กอยู่กับภรรยา เขาเริ่มล้มป่วยเมื่อ 6 มีนาคม 2507 ผ่านการผ่าตัดรักษาโรค 3 ครั้ง แต่ที่สุด 6 เมษายน ปีเดียวกัน ดักลาส แมกอาร์เธอร์ เสียชีวิต ณ โรงพยาบาลทหารบกวอลเตอรีด กรุงวอชิงตัน ดีซ
ปี ค.ศ.1880
|
จอมพลดักลาส แมคอาเธอร์ เกิดที่ลิตเติลรอค
|
ปี ค.ศ.1903
|
สำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายร้อยทหารบกเวสท์ปอยด์
เมื่ออายุ 19 ปี
|
ปี ค.ศ.1904
|
ถูกส่งไปประจำกองพันทหารช่างอเมริกันในประเทศฟิลิปปินส์
|
ปี ค.ศ.1907
|
ได้รับแต่งตั้งเป็นนายทหารคนสนิทของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
และได้รับการเลื่อนยศเป็น ร.อ. ดักลาส แมคอาเธอร์
|
ปี
ค.ศ.1939
|
ได้แต่งงานกับ น.ส. ยีน แมรี่ แฟร์โคลด์ แห่งเมืองเมอร์ฟี่โบโร
มลรัฐเทนเนสซี่
|
ปี ค.ศ.1945
|
ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้
สงครามโลกครั้งที่ 2 ณ เรือประจัญบาน ยูเอสเอส มิซูรี
|
ปี ค.ศ.2507
|
พลเอกดักลาส
แมกอาร์เธอร์ เสียชีวิต ณ โรงพยาบาลทหารบกวอลเตอรีด กรุงวอชิงตัน ดีซี
|